Life is all around.

Archive for the ‘ปฏิทินข่าวสาร’ Category

ได้ติดตามเรื่องของหนุ่มอินโดนิเซียชื่อเดเด (Dede) วัย 32 ปีจาก My Shocking Story: Half Man Half Tree ที่นำเสนอโดยช่อง Discovery Channel

ที่แขนขาของเดเดมีสิ่งผิดปกติงอกออกมาเหมือนกับรากของต้นไม้ และตามผิวหนังส่วนอื่นๆ ก็มีตุ่มแปลกๆ เต็มไปหมด คนแถวนั้นเรียกเขาว่า “Tree Man” ก่อนหน้านี้เดเดเป็นชาวประมงแต่หลังจากที่เขาเป็นโรคประหลาดไม่สามารถทำงานได้ กระนั้นเขายังต้องหาเงินใหม่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวและรักษาโรคประหลาด ขณะนี้เดเดทำงานอยู่ในคณะโชว์ร่วมกับเพื่อนๆ อีกหลายคนที่มีโรคผิดปกติทางผิวหนัง บางคนเป็นตุ่มเต็มตัว บางคนมีจมูกงอกออกมาคล้ายกับช้าง และอีกหลายๆ แบบ (เห็นแล้วน่ากลัวมาก)

Dr. Anthony Gaspari หนึ่งในนักวิจัยด้านโรคผิวหนังจาก University of Maryland พยายามที่จะรักษาเดเดให้มีร่างกายคล้ายกับคนปกติมากที่สุดและสามารถดำรงชีพได้เหมือนคนทั่วไป เรื่องราวของเดเดยังไม่จบ…โปรดติดตามความพยายามของคุณหมอได้ที่ Discovery Channel

จะว่าไปไม่รู้ว่า ‘Bootstrap’ Bill Turner ในเรื่อง Pirates of the Caribbean จะเลียนแบบเดเดหรือเปล่านี่


ที่มา http://www.manager.co.th

และแล้วจิม บริคแมน (Jim Brickman) นักเปียโนในดวงใจก็ไปเปิดการแสดงคอนเสริ์ตที่ชื่อว่า A Moment of Grace with Jim Brickman ร่วมกับนักร้อง-นักดนตรีคุณภาพของเมืองไทย อาทิเช่นโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ กับกบ เสาวนิตย์ น่าเสียดายงานนี้ไม่ได้อยู่เมืองไทยไม่งั้นคงต้องไปร่วมแจมอย่างแน่นอน

บริคแมนออกอัลบัมแล้วเกือบ 20 อัลบัมแต่ที่ชอบฟังมากที่สุดก็คงเป็นอัลบัม Greatest Hits ที่ออกเมื่อปี 2004 รองมาก็เป็นอัลบัม Valentine ใครชอบฟังเปียโนนุ่มๆ และมีนักร้องเสียงหวานๆ ประกอบ อย่าลืมหาอัลบัมของจิม บริคแมนมาฟังดูนะ ฟังก่อนนอนแล้วจะหลับอย่างมีความสุขที่สุดเลย


ฟังอัลบัม Greatest Hits เต็มๆ ได้ที่ http://www.imeem.com/artists/jim_brickman/playlist/fAASfLLC/greatest_hits_album (อ้อ…อย่าลืมสมัครเป็นสมาชิก imeem ก่อนนะ ไม่งั้นจะฟังเพลงได้แค่ไม่กี่วินาที)

รายละเอียดเพิ่มแติมเกี่ยวกับงานคอนเสริ์ต http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000122669

ได้รับข่าวประชาสัมพันธ์จากทาง International Program ว่าขณะนี้สามารถยื่นสมัครกรีนการ์ดได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมเป็นต้นไปจนกระทั่งถึงวันที่ 1 ธันวาคม ใครสนใจอ่านรายละเอียดด้านล่าง (ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัครนะ)



DIVERSITY VISA LOTTERY PROGRAM 2010 – “GREEN CARD LOTTERY”
ENDS ON DECEMBER 1, 2008

Each year, the Diversity Visa Lottery Program allows people who come from countries with low rates of immigration to the U.S. to apply for a chance to obtain an immigrant visa (i.e. Permanent Residency/ Green Card). There is no fee required for entry. Applicants are selected at random and those selected as well as the applicant’s spouse and unmarried children under age 21, may obtain the ability to live and work permanently in the U.S.

In general, persons from all countries except the following are eligible to participate:
BRAZIL, CANADA, CHINA (mainland-born), COLOMBIA, DOMINICAN REPUBLIC, ECUADOR, EL SALVADOR, GUATEMALA, HAITI, INDIA, JAMAICA, MEXICO, PAKISTAN, PHILIPPINES, PERU, POLAND, SOUTH KOREA, UNITED KINGDOM (except Northern Ireland) and its dependent territories, and VIETNAM. Persons born in Hong Kong SAR, Macau SAR, and Taiwan are eligible to apply. Usually, it is the birth country that determines whether one is eligible for the program, but there are exceptions such as if the parents or spouse were born in an eligible country.

For detailed information about entry requirements, please see the instructions for the DV-2010 Diversity Visa lottery at http://travel.state.gov/visa/immigrants/types/types_1318.html.

One important note about the Diversity Visa program: the U.S. Department of State actually selects more than 100,000 applicants for the 50,000 “green cards,” assuming that many winners will not continue the application process. Those who are selected for the Diversity Visa Lottery and do intend to continue the process must act quickly and carefully to help increase their chances of obtaining the “green card.”

เสาร์นี้ต้องอัพเดตเรื่องของ College Football อีกสักหน่อยเนื่องจากพิเศษกว่าเสาร์อื่นๆ เนื่องจากเป็น Home Coming Game โดยจะแข่งกับ University of South Carolina

กิจกรรมพิเศษที่เพิ่มเติมก็จะเป็นขบวนพาเรดของกลุ่มนักเรียนไม่ว่าจะเป็นจากบ้าน Fraternity หรือ Sorority หรือพวก International Student และยังมีขบวน Home Coming Queen อีกด้วย

ขบวนพาเรดจะมีขึ้นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นของวันศุกร์ โดยเริ่มต้นจากในบริเวณมหาวิทยาลัยและแห่ไปรอบๆ เมือง จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ส่วนใครมีรถเปิดประทุนก็จะได้เอารถตนเองมาโชว์ในขบวนพาเรดด้วย

ใครที่ติดตามข่าวสารวงการฟุตบอลคงตะลึงไปตามๆ กันสำหรับผลการแข่งขันฟุตบอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทีมสำคัญๆ ที่อยู่อันดับท้อบ 25 มีพ่ายแพ้ให้กับทีมเล็กๆ อาทิเช่น ทีมอันดับ 3 จาก Georgia อันดับ 4 จาก Florida อันดับ 9 จาก Wisconsin อันดับ 16 จาก Wake Forest อันดับ 20 จาก Clemson และ อันดับ 23 จาก East Carolina


รูป Florida Gators ของทีมจาก University of Florida

ใน SEC (Southeastern Conference) จะมีทีมฟุตบอลเก่งๆ อยู่หลายทีมไม่ว่าจะเป็น Florida Alabama Auburn LSU Tennessee และอื่นๆ อีกมากมาย Rebels หรือทีมของ University of Mississippi (Ole Miss) เรียกได้ว่าเป็นทีมเล็กมากซึ่งห่างไกลจากการจัดอันดับ 1 ใน 25 มาก โดยการจัดอันดับจะเป็นแบบเนชั่นหรือรวมคะแนนระดับประเทศ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น…

Ole Miss ไปแข่งที่บ้านของ Florida ที่เมือง Gainesville หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า Swamp ตั้งแต่เริ่มต้นเกม Ole Miss นำมาโดยตลอดจนกระทั่งจบการแข่งขัน โดยปกติถ้ามีการทัชดาวน์หรือนำลูกฟุตบอลไปในเขตทัชดาวน์จะได้ 6 คะแนนและได้แตะบอลเข้าโกลอีกหนึ่งครั้ง ถ้าเข้าก็ได้คะแนนเพิ่มอีก 1 คะแนน เป็น 7 คะแนน

ถ้าเป็นฝ่ายบุกปกติภายใน 1 เกมจะมีโอกาสเล่น 3 ครั้ง โดยผู้เล่นจะต้องนำขว้างหรือนำลูกไปข้างหน้าให้ได้ในระยะอย่างน้อย 10 หลา (ไม่รวมกรณีที่มีการฟาวล์เกิดขึ้น) โดยจะเรียกว่า First Down, Second Down และ Third Down ถ้าเล่นครบ 3 ครั้งแล้วไม่สามารถทำระยะได้ ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นฝ่ายรับแทน แต่ก่อนเปลี่ยนจะได้ทำการแตะลูกฟุตบอล 1 ครั้งเพื่อให้ลูกอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโกลของฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด ถ้าในกรณีที่ลูกอยู่ในตำแหน่งใกล้กับเส้นทัชดาวน์ เช่น อยู่ในเขตเรดโซน (Red Zone หรือระยะประมาณ 10 หลาก่อนถึงเส้นทัชดาวน์) ผู้เล่นก็สามารถเลือกแตะฟุตบอลเข้าโกลก็ำได้ ในกรณีนี้จะได้ 3 คะแนนแต่จะไม่มีโบนัทให้แตะอีก

กลับมาเรื่อง Florida ต่อ เนื่องจากในควอร์เตอร์สุดท้าย Ole Miss นำอยู่ด้วยคะแนน 31 ต่อ 24 (จากการทำทัชดาวน์ 4 ครั้ง โบนัท 4 ครั้งและแตะเข้าอีก 1 ครั้ง) และเหลืออีกไม่กี่นาที Florida ก็สามารถทำทัชดาวน์ได้ตอนนั้นคะแนนก็เป็น 31 ต่อ 30 แต่ตอนที่ทีม Florida ส่งนักแตะมาเพื่อที่จะแตะเข้าโกล.. ปกตินักแตะก็แตะเข้ากันทุกคนไม่เคยเห็นใครแตะไม่เข้าเลย เกิดอะไรขึ้นไม่รู้กับหมายเลข 40 (Kentrell Lockett) และเพื่อนร่วมทีมอีกคนจากทีม Ole Miss ที่กระโจนออกและกระโดดขึ้นเพื่อมาปัดลูกที่กำลังลอยเข้าสู่โกล ผลปรากฏว่าลูกเปลี่ยนวิธีไม่เข้าโกล สร้างความตกตะลึงให้แก่คนในสนามและผู้ชมทางบ้านอย่างยิ่ง งานนี้จึงถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ในวงการฟุตบอลของ Ole Miss ไปเลย ต้องขอบคุณโค้ชคนใหม่ของเรา coach Nutt ที่สร้างปรากฏการณ์นี้ให้กับมหาวิทยาลัย


รูปขณะ Kentrell Lockett กำลังบล็อคลูกฟุตบอล
ที่มา http://olemiss.rivals.com

งาน Debate ก็จบลงด้วยดี คนจำนวนมากส่วนใหญ่ก็ไปนั่งฟังคำปราศรัยของ Obama กับ McCain ที่ The Grove มีการโห่ร้องกันเป็นระยะๆ เมื่อฝ่ายของตนออกมา แต่ที่แน่ๆ เมื่อไหร่ที่มีการกล่าวถึง University of Mississippi เสียงปรบมือแสดงความภูมิใจจากคนทั้ง The Grove ก็ดังขึ้นโดยไม่สนว่าตนอยู่ฝ่ายใด งานเริ่มประมาณ 2 ทุ่มตรงและเสร็จลงประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง


ที่มา: http://abcnews.go.com/Politics/wireStory?id=5895217

กลับมาถึงที่พักก็ลองเปิด CNN ดูซึ่งเค้าก็ถ่ายซ้ำเหมือนกับที่นั่งดูที่ The Grove แต่บรรยากาศแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อึม…ก็คงคล้ายๆ กับไปนั่งดูฟุตบอลในสนามที่เห็นลูกบ้างไม่เห็นบ้างเนื่องจากลูกมันเล็กจิ๊ดเดียวแต่ก็สนุกกว่านั่งดูทีวีคนเดียวที่บ้านเป็นไหนๆ

ต่อเรื่องการเมืองดีกว่า…ในความรู้สึกนะ Obama พูดได้ค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินภาษี นโยบายด้านสุขภาพ การศึกษาของเด็ก การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ นโยบายทางการทหารที่เกี่ยวข้องกับอิรัก อัฟกานิสถาน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับรัสเซียและจอร์เจียที่ปัจจุบันมีปัญหากันอยู่

ส่วน McCain ก็พูดได้ค่อนข้างดีเช่นกันแต่บุคลิกของ Obama จะค่อนข้างดีกว่านิดนึง (อันนี้ไม่เกี่ยวกับนโยบายของทั้งสองพรรคนะ) ไม่รู้จะโม้อะไรแล้วเหมือนกัน เอาเป็นใครสนใจอยากจะอ่านบทการปราศรัยของทั้งสองคน ก็สามารถอ่านได้ที่ http://www.cnn.com/2008/POLITICS/09/26/debate.mississippi.transcript

คนอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญในงานนี้คงหนีไม่พ้นคนดำเนินรายการหรือที่เรียกว่าโมเดอร์เรเตอร์ (moderator) งานนี้ Jim Lehrer ได้รับเลือกให้เป็นผู้ดำเนินรายการ


Jim Lehrer: the moderator for the debate

สำหรับตำแหน่งของว่าที่รองประธานาธิบดีก็จะมีการ Debate กันด้วย ซึ่งมีจะขึ้นในวันพฤหัสที่ 2 ตุลาคม 2008 ที่ Washington University เมือง St. Louis รัฐ Missouri และจะถ่ายทอดสดในเวลา 3 ทุ่ม (Eastern time)

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?
McCain จะมาหรือเปล่า
The debate starts here!!

และแล้วสุดท้าย McCain ก็ประกาศออกมาเป็นทางการตอนเที่ยงของวันนี้ว่าจะเข้าร่วม The First Presidential Debate ก่อนที่งานจะเริ่มในเวลา 2 ทุ่มคืนนี้ ตื่นเต้นนะ…ไม่รู้คืนนี้จะเป็นยังไงบ้าง

วันนี้มหาวิทยาลัยได้ประกาศงดการเรียนการสอน คนทำงานก็ให้ทำงานแค่ครึ่งวัน เพื่อคนนักเรียนและคนทำงานได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นักเรียนและบุคคลส่วนใหญ่ก็จะเอาพวกสติ๊กเกอร์กับพวกเข็มกลัดมาติดตามเสื้อผ้าเพื่อจะบอกว่าตนจะสนับสนุนฝ่ายใด ซุ้มใหญ่ๆ ที่เห็นก็จะมีจาก CNN ก็จะมีกระดาษให้เขียนว่าตนเองชอบหรือไม่ชอบอะไรแล้วเอาไปทำเป็นเข็มกลัดหรือที่เค้าเรียกว่า button หน่ะ นอกจากนั้นก็จะมี Microsoft, C-SPAN (เป็นทีวีอีกช่องที่เสนอเกี่ยวกับข่าวการเมืองและกฏหมาย) CNN ซุ้มโทรศัพท์เช่นพวก AT&T และ Cellular-South ก็มา ร้านอาหารสำคัญๆ ในเมือง เช่นร้าน Taylor Grocery ร้านดังในย่านนี้ที่ขายปลาดุกทอด (Catfish) ก็มาเปิดขายน้ำขายอาหารด้วย นอกจากนี้ก็จะมีวงดนตรี และมีซุ้มสำหรับช่องว่างต่างๆ ที่มาทำข่าว

จะว่าไปคนก็เยอะนะแต่ถ้าเทียบกับงานฟุตบอลแล้วค่อนข้างแตกต่างกันมาทีเดียว โดยปกติแล้วถ้ามีการจัดงานกลางแจ้งจะใช้สถานที่อันรื่นรมย์เสมือนสวนหย่อมขนาดใหญ่ในมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า “The Grove” เป็นสถานที่จัดงาน สัปดาห์ไหนที่มีงานฟุตบอล สถานที่แห่งนี้จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนเรียกว่าไม่มีสถานที่ให้เดินก็ว่าได้ แบบว่ากลางเต้นท์ต่อเต้นท์กันไปเลย เวลาเดินต้องขออนุญาตผ่านเข้าไปในเต้นท์คนอื่น แต่วันนี้คนแน่นเป็นหย่อมๆ ตามบู๊ทหรือเต้นท์จากหน่วยงานต่างๆ บรรยากาศทั่วไปถือว่าค่อยข้างเป็นไปได้ด้วยดี ดูรูปบรรยากาศในมหาวิทยาลัยได้เลย

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?
McCain จะมาหรือเปล่า


ภาพจาก หนังสือพิมพ์ The Daily Mississippi

ช่วงนี้ประเทศไทยมีเรื่องการประท้วงแต่ที่ Mississippi คงหนีไม่พ้นเรื่อง Presidential Debate ที่จะมีขึ้นเป็นขึ้นแรกที่ University of Mississippi และแล้ววันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบจาก John McCain ว่าจะสามารถเข้าร่วมงาน Debate ได้หรือเปล่า อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยก็คึกคัก นักข่าวและคนที่เข้าร่วมงานต่างทะยอยเดินทางเข้ามา บู๊ทต่างๆ ในมหาวิทยาลัยเริ่มมีของมาจำหน่าย มีเต้นท์สำหรับให้สอบถามข้อมูลข่าวสารอยู่ทั่วไป และพรุ่งนี้ก็ถือว่าเป็นวันหยุดจะไม่มีการเรียนการสอน แต่คนทั่วไปก็มาทำงานตามปกติเพราะงาน Debate ที่เป็นทางการจะเริ่มเวลา 2 ทุ่ม (Central Time) แต่ก่อนหน้านั้นก็จะมีกิจกรรมส่งเสริมความรู้ทางการเมืองของอเมริกาที่ตัวเราเองแทบจะรู้น้อยมาก อย่าว่าแต่การเมืองของอเมริกาเลยแม้กระทั่งของไทยก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็ค่อยไปใช้สิทธิ์อย่างเดียว

ตอนเที่ยงเดินไปทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหาร โอ้…คนเยอะมาก เลยออกไปเก็บบรรยายกาศรอบๆ มหาวิทยาลัยเป็นการรอเวลาเพราะขี้เกียจต่อคิวซื้อของ เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมาด้วย เลยได้ภาพจากโทรศัพท์มือถือแทน

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?

วันนี้จู่ๆ John McCain ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐอาริโซน่า ก็ออกมาประกาศออกมาเลื่อนที่จะเข้าร่วม Presidential Debate ที่ University of Mississippi (Ole Miss) เนื่องจากต้องแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและเดินทางกลับไปวอชิงตัน ดีซี


ภาพจาก: http://www.oxfordms.net

อะไรกันเนี้ย… คิดจะเลื่อนก็เลื่อนง่ายๆ อย่างนี้เหรอ ในฐานะของนักเรียนคนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่ Ole Miss ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ รู้หรือเปล่าว่าทุกๆ อย่างที่จัดเตรียมไว้สำหรับวันศุกร์ที่จะถึงนี้มันใช้เวลานานเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเตรียมตัวกันแค่อาทิตย์เดียวนะก็จะจัด Presidential Debate ได้นะ ทั้งหมดนี้เตรียมกันเป็นปีๆ ทีเดียว ไม่ว่าสถานที่ที่ไว้ใช้จัดงาน อาคารที่สร้างเพิ่มเติมเพื่อรองรับคนที่จะเข้าร่วม นักข่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ถนนหนทางต่างๆ ที่จะเข้าถึงตัวอาคารสำหรับงาน Debate ได้ปิดไม่ให้มีการสัญจรไปมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ นักข่าวจากหน่วยงานต่างๆ ก็ทยอยเดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ…อะไรกันหนักหนาเนี้ย


ภาพ: John McCain (เจ้าของเรื่องป่วน)

นอกจากการประดับตกแต่งสถานที่ทั้งในมหาวิทยาลัยแล้ว ที่ดาวน์ทาวน์ก็ได้รับการประดับประดาไปด้วยธง ป้าย ร้านอาหารทั้งหลายที่สั่งอาหารมาเพื่อรองรับประชาชนทั้งจากในเมืองและเมืองอื่นๆ ที่เข้าร่วมงาน คนต่างเมืองที่จองโรงแรมและเตรียมเดินทางมาก็ต้องยกเลิกกันไปหมด อีกทั้งพวกกลุ่มจะมาประท้วงงาน Debate คงต้องคอยเก้อ ที่เห็นจะน่าสงสารก็จะเป็นธุรกิจขายของที่ระลึกไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปากกา ของใช้จุกจิก ที่ได้พิมพ์ทั้งวันที่ๆ ใช้ สำหรับ Presidential Debate สมมุตินะว่าไม่มีการจัดงานขึ้นในวันที่ 26 กันยายนนี้จริงๆ ของพวกนี้ที่พิมพ์วันที่ไปแล้วจะไม่มีทางขายได้อย่างแน่นอน ว่าแล้วก็น่าเห็นใจจริงๆ

ถึงแม้จะ McCain จะออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเช่นนี้ มหาวิทยาลัยก็ยังเดินหน้าเตรียมตัวจัดงาน Debate ต่อไป คาดว่างานนี้คงมหาวิทยาลัยและร้านค้าต่างๆ คงขาดทุนย่อยยับไปตามๆ กัน ที่แน่ๆ เงินที่ลงทุนสำหรับเตรียมตัวประมาณ 5.5 ล้านเหรียญจะสูญเปล่าเพราะนาย McCain หรือเปล่านะ รู้ทั้งรู้ว่ารัฐ Mississippi มีคนดำเยอะ ถ้า McCain ทำแบบนี้คงไม่มีทั้งคนดำและคนขาวในรัฐนี้ให้การสนับสนุนอย่างแน่นอน คืนนี้ทั้งข่าวช่องต่างๆ ก็กล่าวถึงการเลื่อนงาน Presidential Debate และเรื่องการออกมาประกาศเลื่อนของ McCain กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว

คิดง่ายๆ นะ ว่า McCain ออกมาประกาศเลื่อนงานสำคัญเช่นนี้ประมาณวันกว่าๆ ก่อนที่จะเริ่มงาน ทางมหาวิทยาลัยก็ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่างาน Debate จะมีต่อไปเนื่องจากไม่สามารถเลื่อนได้และทุกอย่างได้จัดลงตัวหมดแล้ว ปกติการทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีควรจะทำเป็นระบบใช่ไหม ถ้าเกิดปัญหาหรือวิกฤตจริงๆ ก็ควรวางแผนการแก้ปัญหาวิกฤตนั้นแล้วส่งตัวแทนหรือผู้ช่วยไปทำหน้าที่แทน แล้วตัวเองก็ควรจะมาประกาศนโยบายของพรรคในงาน หรือหากคิดว่าการแก้ปัญหาวิกฤตสำคัญกว่างาน Debate ก็ควรจะส่งตัวแทนมาทำหน้าที่แทนซิ ไม่ใช่บอกให้เจ้าภาพเลื่อนงานไปเฉยๆ แบบนี้

งาน Debate ครั้งนี้เป็นแรกที่จัดขึ้น เจ้าภาพที่จะจัดงานครั้งที่สอง และครั้งถัดไปควรจะระลึกบทเรียนนี้ไว้นะ แล้วหาทางแก้ปัญหาเฉพาะไว้ด้วย ดีไม่ดีอาจจะเหมือนกับที่ Ole Miss โดนก็เป็นได้ เรื่องนี้ McCain ผิดเต็มๆ

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain

วันอาทิตย์นี้ตรงกับเทศกาล Chinese Mid-Autumn Festival หรือที่เรียกว่าวันไหว้พระจันทร์ตามภาษาไทยของเรา ในเมืองเล็กๆ อย่าง Oxford ไม่ได้จัดมีการแสดงอะไร แต่คนจีนส่วนใหญ่จะขึ้นไปฉลองเทศกาลนี้ที่ Memphis กัน ใครสนใจชมการแสดงคอนเสริ์ต โปรดดูรายละเอียดได้ที่ http://cas.memphis.edu/cium/

ในเทศกาลนี้ชาวจีนส่วนใหญ่จะทำขนมไหว้พระจันทร์ (moon cake) กัน เม่ยก็ทำเหมือนกันนะ แป้งด้านนอกใกล้เคียงกับที่เคยทานที่เมืองไทยแต่เนื่องจากเม่ยกำลังลดความอ้วนอยู่เลยทำไส้ถั่วแบบไม่หวาน (ไม่ถึงกับอร่อยนะ เพราะส่วนตัวชอบถั่วหวานมากกว่า) แล้ว Prof. O’Havor อาจารย์ชาวอเมริกันที่สนใจทำอาหารไทยกับจีนเป็นพิเศษก็ทำขนมไหว้พระจันทร์ด้วยเช่นกัน มีการดัดแปลงใส่ทั้งไส้เค็มและหวานในลูกเดียวกันอีกทั้งมีใบมะกรูดป่นเล็กน้อย รสชาดแปลกๆ แต่ก็อร่อยดี