Life is all around.

Archive for September 2008

ใครที่ติดตามข่าวสารวงการฟุตบอลคงตะลึงไปตามๆ กันสำหรับผลการแข่งขันฟุตบอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทีมสำคัญๆ ที่อยู่อันดับท้อบ 25 มีพ่ายแพ้ให้กับทีมเล็กๆ อาทิเช่น ทีมอันดับ 3 จาก Georgia อันดับ 4 จาก Florida อันดับ 9 จาก Wisconsin อันดับ 16 จาก Wake Forest อันดับ 20 จาก Clemson และ อันดับ 23 จาก East Carolina


รูป Florida Gators ของทีมจาก University of Florida

ใน SEC (Southeastern Conference) จะมีทีมฟุตบอลเก่งๆ อยู่หลายทีมไม่ว่าจะเป็น Florida Alabama Auburn LSU Tennessee และอื่นๆ อีกมากมาย Rebels หรือทีมของ University of Mississippi (Ole Miss) เรียกได้ว่าเป็นทีมเล็กมากซึ่งห่างไกลจากการจัดอันดับ 1 ใน 25 มาก โดยการจัดอันดับจะเป็นแบบเนชั่นหรือรวมคะแนนระดับประเทศ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น…

Ole Miss ไปแข่งที่บ้านของ Florida ที่เมือง Gainesville หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า Swamp ตั้งแต่เริ่มต้นเกม Ole Miss นำมาโดยตลอดจนกระทั่งจบการแข่งขัน โดยปกติถ้ามีการทัชดาวน์หรือนำลูกฟุตบอลไปในเขตทัชดาวน์จะได้ 6 คะแนนและได้แตะบอลเข้าโกลอีกหนึ่งครั้ง ถ้าเข้าก็ได้คะแนนเพิ่มอีก 1 คะแนน เป็น 7 คะแนน

ถ้าเป็นฝ่ายบุกปกติภายใน 1 เกมจะมีโอกาสเล่น 3 ครั้ง โดยผู้เล่นจะต้องนำขว้างหรือนำลูกไปข้างหน้าให้ได้ในระยะอย่างน้อย 10 หลา (ไม่รวมกรณีที่มีการฟาวล์เกิดขึ้น) โดยจะเรียกว่า First Down, Second Down และ Third Down ถ้าเล่นครบ 3 ครั้งแล้วไม่สามารถทำระยะได้ ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นฝ่ายรับแทน แต่ก่อนเปลี่ยนจะได้ทำการแตะลูกฟุตบอล 1 ครั้งเพื่อให้ลูกอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโกลของฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด ถ้าในกรณีที่ลูกอยู่ในตำแหน่งใกล้กับเส้นทัชดาวน์ เช่น อยู่ในเขตเรดโซน (Red Zone หรือระยะประมาณ 10 หลาก่อนถึงเส้นทัชดาวน์) ผู้เล่นก็สามารถเลือกแตะฟุตบอลเข้าโกลก็ำได้ ในกรณีนี้จะได้ 3 คะแนนแต่จะไม่มีโบนัทให้แตะอีก

กลับมาเรื่อง Florida ต่อ เนื่องจากในควอร์เตอร์สุดท้าย Ole Miss นำอยู่ด้วยคะแนน 31 ต่อ 24 (จากการทำทัชดาวน์ 4 ครั้ง โบนัท 4 ครั้งและแตะเข้าอีก 1 ครั้ง) และเหลืออีกไม่กี่นาที Florida ก็สามารถทำทัชดาวน์ได้ตอนนั้นคะแนนก็เป็น 31 ต่อ 30 แต่ตอนที่ทีม Florida ส่งนักแตะมาเพื่อที่จะแตะเข้าโกล.. ปกตินักแตะก็แตะเข้ากันทุกคนไม่เคยเห็นใครแตะไม่เข้าเลย เกิดอะไรขึ้นไม่รู้กับหมายเลข 40 (Kentrell Lockett) และเพื่อนร่วมทีมอีกคนจากทีม Ole Miss ที่กระโจนออกและกระโดดขึ้นเพื่อมาปัดลูกที่กำลังลอยเข้าสู่โกล ผลปรากฏว่าลูกเปลี่ยนวิธีไม่เข้าโกล สร้างความตกตะลึงให้แก่คนในสนามและผู้ชมทางบ้านอย่างยิ่ง งานนี้จึงถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ในวงการฟุตบอลของ Ole Miss ไปเลย ต้องขอบคุณโค้ชคนใหม่ของเรา coach Nutt ที่สร้างปรากฏการณ์นี้ให้กับมหาวิทยาลัย


รูปขณะ Kentrell Lockett กำลังบล็อคลูกฟุตบอล
ที่มา http://olemiss.rivals.com

ได้ไปเดินเก็บภาพบรรยากาศงาน Presidential Debate ที่มหาวิทยาลัย เดินไปตามบู๊ทต่างๆ และเวทีที่มีการพูดคุยกันออกทางโทรทัศน์ ระหว่างนั้นเป็นรายการที่ชื่อ Hardball ซึ่งดำเนินรายการโดย Chris Matthews ผ่านทางช่อง MSNBC ซึ่งเป็นรายการสัมภาษณ์ต่างๆ ที่เรียกว่าค่อนข้างหนักนิดนึง

ซักพักใหญ่มีคนๆ หนึ่งเดินมา คนกลุ่มใหญ่ก็เดินลุยเข้ามาเพื่อขอถ่ายรูป ได้ยินแต่เค้าพูดกันว่า Howard Dean อึม…Dean คือใครนะ ท่าทางเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา และแล้วก็ต้องสืบข้อมูลสักหน่อย


ภาพ Howard Dean จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Howard_Dean

ดีนมีชื่อเต็มว่า Howard Brush Dean III เป็น U.S. state ของรัฐ Vermont และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการของพรรคดีโมเครต ก่อนหน้าที่จะเล่นการเมืองดีนจบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์จาก Albert Einstein College of Medicine ในปี 1978

ดีนได้รับการเลือกตั้งให้เป็น House of Representative ของรัฐ Vermont ในฐานะตัวแทนจากพรรคดีโมแคร็กในปี 1982 และตำแหน่ง lieutenant governor ในปี 1986 ต่อมาดีนได้รับแต่งตั้งให้เป็น Governor of Vermont เนื่องจากการเสียชีวิตของ Richard A. Snelling ในปี 1991 หลังจากนั้นดีนการได้เลือกตั้งให้เป็น Governor of Vermont อีก 5 สมัยจนกระทั่งปี 2003 รวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งทั้งสิ้น 12 ปี

ดีนเป็นหนึ่งในผู้ที่เกือบจะชนะสรรหาตัวแทนจากพรรคดีโมเคร็กเพื่อที่จะเข้าชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2004 ดีนโชว์ศักยภาพอย่างเหนือชั้นการชนะใจประชาชนและสามารถรวบรวมเงินลงทุนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้นอาจจะเรียกได้ว่าดีนเป็นผู้นำบุกเบิกในการหาสนับสนุนด้านการเงิน (Fundraising) ผ่านทางอินเตอร์เน็ต แต่สุดท้ายดีนก็พ่ายแพ้ต่อ John Kerry ซึ่งเป็น Senator จากรัฐ Massachusetts (ผลการโวตสำหรับตัวแทนพรรคดีโมเครตอย่างเป็นทางการ) โดยภายหลัง John Kerry ก็พ่ายแพ้ต่อประธานาธิบดีบุชในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2004

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?
McCain จะมาหรือเปล่า
The debate starts here!!
It’s over!!

งาน Debate ก็จบลงด้วยดี คนจำนวนมากส่วนใหญ่ก็ไปนั่งฟังคำปราศรัยของ Obama กับ McCain ที่ The Grove มีการโห่ร้องกันเป็นระยะๆ เมื่อฝ่ายของตนออกมา แต่ที่แน่ๆ เมื่อไหร่ที่มีการกล่าวถึง University of Mississippi เสียงปรบมือแสดงความภูมิใจจากคนทั้ง The Grove ก็ดังขึ้นโดยไม่สนว่าตนอยู่ฝ่ายใด งานเริ่มประมาณ 2 ทุ่มตรงและเสร็จลงประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง


ที่มา: http://abcnews.go.com/Politics/wireStory?id=5895217

กลับมาถึงที่พักก็ลองเปิด CNN ดูซึ่งเค้าก็ถ่ายซ้ำเหมือนกับที่นั่งดูที่ The Grove แต่บรรยากาศแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อึม…ก็คงคล้ายๆ กับไปนั่งดูฟุตบอลในสนามที่เห็นลูกบ้างไม่เห็นบ้างเนื่องจากลูกมันเล็กจิ๊ดเดียวแต่ก็สนุกกว่านั่งดูทีวีคนเดียวที่บ้านเป็นไหนๆ

ต่อเรื่องการเมืองดีกว่า…ในความรู้สึกนะ Obama พูดได้ค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินภาษี นโยบายด้านสุขภาพ การศึกษาของเด็ก การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ นโยบายทางการทหารที่เกี่ยวข้องกับอิรัก อัฟกานิสถาน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับรัสเซียและจอร์เจียที่ปัจจุบันมีปัญหากันอยู่

ส่วน McCain ก็พูดได้ค่อนข้างดีเช่นกันแต่บุคลิกของ Obama จะค่อนข้างดีกว่านิดนึง (อันนี้ไม่เกี่ยวกับนโยบายของทั้งสองพรรคนะ) ไม่รู้จะโม้อะไรแล้วเหมือนกัน เอาเป็นใครสนใจอยากจะอ่านบทการปราศรัยของทั้งสองคน ก็สามารถอ่านได้ที่ http://www.cnn.com/2008/POLITICS/09/26/debate.mississippi.transcript

คนอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญในงานนี้คงหนีไม่พ้นคนดำเนินรายการหรือที่เรียกว่าโมเดอร์เรเตอร์ (moderator) งานนี้ Jim Lehrer ได้รับเลือกให้เป็นผู้ดำเนินรายการ


Jim Lehrer: the moderator for the debate

สำหรับตำแหน่งของว่าที่รองประธานาธิบดีก็จะมีการ Debate กันด้วย ซึ่งมีจะขึ้นในวันพฤหัสที่ 2 ตุลาคม 2008 ที่ Washington University เมือง St. Louis รัฐ Missouri และจะถ่ายทอดสดในเวลา 3 ทุ่ม (Eastern time)

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?
McCain จะมาหรือเปล่า
The debate starts here!!

และแล้วสุดท้าย McCain ก็ประกาศออกมาเป็นทางการตอนเที่ยงของวันนี้ว่าจะเข้าร่วม The First Presidential Debate ก่อนที่งานจะเริ่มในเวลา 2 ทุ่มคืนนี้ ตื่นเต้นนะ…ไม่รู้คืนนี้จะเป็นยังไงบ้าง

วันนี้มหาวิทยาลัยได้ประกาศงดการเรียนการสอน คนทำงานก็ให้ทำงานแค่ครึ่งวัน เพื่อคนนักเรียนและคนทำงานได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นักเรียนและบุคคลส่วนใหญ่ก็จะเอาพวกสติ๊กเกอร์กับพวกเข็มกลัดมาติดตามเสื้อผ้าเพื่อจะบอกว่าตนจะสนับสนุนฝ่ายใด ซุ้มใหญ่ๆ ที่เห็นก็จะมีจาก CNN ก็จะมีกระดาษให้เขียนว่าตนเองชอบหรือไม่ชอบอะไรแล้วเอาไปทำเป็นเข็มกลัดหรือที่เค้าเรียกว่า button หน่ะ นอกจากนั้นก็จะมี Microsoft, C-SPAN (เป็นทีวีอีกช่องที่เสนอเกี่ยวกับข่าวการเมืองและกฏหมาย) CNN ซุ้มโทรศัพท์เช่นพวก AT&T และ Cellular-South ก็มา ร้านอาหารสำคัญๆ ในเมือง เช่นร้าน Taylor Grocery ร้านดังในย่านนี้ที่ขายปลาดุกทอด (Catfish) ก็มาเปิดขายน้ำขายอาหารด้วย นอกจากนี้ก็จะมีวงดนตรี และมีซุ้มสำหรับช่องว่างต่างๆ ที่มาทำข่าว

จะว่าไปคนก็เยอะนะแต่ถ้าเทียบกับงานฟุตบอลแล้วค่อนข้างแตกต่างกันมาทีเดียว โดยปกติแล้วถ้ามีการจัดงานกลางแจ้งจะใช้สถานที่อันรื่นรมย์เสมือนสวนหย่อมขนาดใหญ่ในมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า “The Grove” เป็นสถานที่จัดงาน สัปดาห์ไหนที่มีงานฟุตบอล สถานที่แห่งนี้จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนเรียกว่าไม่มีสถานที่ให้เดินก็ว่าได้ แบบว่ากลางเต้นท์ต่อเต้นท์กันไปเลย เวลาเดินต้องขออนุญาตผ่านเข้าไปในเต้นท์คนอื่น แต่วันนี้คนแน่นเป็นหย่อมๆ ตามบู๊ทหรือเต้นท์จากหน่วยงานต่างๆ บรรยากาศทั่วไปถือว่าค่อยข้างเป็นไปได้ด้วยดี ดูรูปบรรยากาศในมหาวิทยาลัยได้เลย

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?
McCain จะมาหรือเปล่า


ภาพจาก หนังสือพิมพ์ The Daily Mississippi

ช่วงนี้ประเทศไทยมีเรื่องการประท้วงแต่ที่ Mississippi คงหนีไม่พ้นเรื่อง Presidential Debate ที่จะมีขึ้นเป็นขึ้นแรกที่ University of Mississippi และแล้ววันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบจาก John McCain ว่าจะสามารถเข้าร่วมงาน Debate ได้หรือเปล่า อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยก็คึกคัก นักข่าวและคนที่เข้าร่วมงานต่างทะยอยเดินทางเข้ามา บู๊ทต่างๆ ในมหาวิทยาลัยเริ่มมีของมาจำหน่าย มีเต้นท์สำหรับให้สอบถามข้อมูลข่าวสารอยู่ทั่วไป และพรุ่งนี้ก็ถือว่าเป็นวันหยุดจะไม่มีการเรียนการสอน แต่คนทั่วไปก็มาทำงานตามปกติเพราะงาน Debate ที่เป็นทางการจะเริ่มเวลา 2 ทุ่ม (Central Time) แต่ก่อนหน้านั้นก็จะมีกิจกรรมส่งเสริมความรู้ทางการเมืองของอเมริกาที่ตัวเราเองแทบจะรู้น้อยมาก อย่าว่าแต่การเมืองของอเมริกาเลยแม้กระทั่งของไทยก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็ค่อยไปใช้สิทธิ์อย่างเดียว

ตอนเที่ยงเดินไปทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหาร โอ้…คนเยอะมาก เลยออกไปเก็บบรรยายกาศรอบๆ มหาวิทยาลัยเป็นการรอเวลาเพราะขี้เกียจต่อคิวซื้อของ เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมาด้วย เลยได้ภาพจากโทรศัพท์มือถือแทน

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain
Debate-Delay?

วันนี้จู่ๆ John McCain ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐอาริโซน่า ก็ออกมาประกาศออกมาเลื่อนที่จะเข้าร่วม Presidential Debate ที่ University of Mississippi (Ole Miss) เนื่องจากต้องแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและเดินทางกลับไปวอชิงตัน ดีซี


ภาพจาก: http://www.oxfordms.net

อะไรกันเนี้ย… คิดจะเลื่อนก็เลื่อนง่ายๆ อย่างนี้เหรอ ในฐานะของนักเรียนคนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่ Ole Miss ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ รู้หรือเปล่าว่าทุกๆ อย่างที่จัดเตรียมไว้สำหรับวันศุกร์ที่จะถึงนี้มันใช้เวลานานเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเตรียมตัวกันแค่อาทิตย์เดียวนะก็จะจัด Presidential Debate ได้นะ ทั้งหมดนี้เตรียมกันเป็นปีๆ ทีเดียว ไม่ว่าสถานที่ที่ไว้ใช้จัดงาน อาคารที่สร้างเพิ่มเติมเพื่อรองรับคนที่จะเข้าร่วม นักข่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ถนนหนทางต่างๆ ที่จะเข้าถึงตัวอาคารสำหรับงาน Debate ได้ปิดไม่ให้มีการสัญจรไปมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ นักข่าวจากหน่วยงานต่างๆ ก็ทยอยเดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ…อะไรกันหนักหนาเนี้ย


ภาพ: John McCain (เจ้าของเรื่องป่วน)

นอกจากการประดับตกแต่งสถานที่ทั้งในมหาวิทยาลัยแล้ว ที่ดาวน์ทาวน์ก็ได้รับการประดับประดาไปด้วยธง ป้าย ร้านอาหารทั้งหลายที่สั่งอาหารมาเพื่อรองรับประชาชนทั้งจากในเมืองและเมืองอื่นๆ ที่เข้าร่วมงาน คนต่างเมืองที่จองโรงแรมและเตรียมเดินทางมาก็ต้องยกเลิกกันไปหมด อีกทั้งพวกกลุ่มจะมาประท้วงงาน Debate คงต้องคอยเก้อ ที่เห็นจะน่าสงสารก็จะเป็นธุรกิจขายของที่ระลึกไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปากกา ของใช้จุกจิก ที่ได้พิมพ์ทั้งวันที่ๆ ใช้ สำหรับ Presidential Debate สมมุตินะว่าไม่มีการจัดงานขึ้นในวันที่ 26 กันยายนนี้จริงๆ ของพวกนี้ที่พิมพ์วันที่ไปแล้วจะไม่มีทางขายได้อย่างแน่นอน ว่าแล้วก็น่าเห็นใจจริงๆ

ถึงแม้จะ McCain จะออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเช่นนี้ มหาวิทยาลัยก็ยังเดินหน้าเตรียมตัวจัดงาน Debate ต่อไป คาดว่างานนี้คงมหาวิทยาลัยและร้านค้าต่างๆ คงขาดทุนย่อยยับไปตามๆ กัน ที่แน่ๆ เงินที่ลงทุนสำหรับเตรียมตัวประมาณ 5.5 ล้านเหรียญจะสูญเปล่าเพราะนาย McCain หรือเปล่านะ รู้ทั้งรู้ว่ารัฐ Mississippi มีคนดำเยอะ ถ้า McCain ทำแบบนี้คงไม่มีทั้งคนดำและคนขาวในรัฐนี้ให้การสนับสนุนอย่างแน่นอน คืนนี้ทั้งข่าวช่องต่างๆ ก็กล่าวถึงการเลื่อนงาน Presidential Debate และเรื่องการออกมาประกาศเลื่อนของ McCain กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว

คิดง่ายๆ นะ ว่า McCain ออกมาประกาศเลื่อนงานสำคัญเช่นนี้ประมาณวันกว่าๆ ก่อนที่จะเริ่มงาน ทางมหาวิทยาลัยก็ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่างาน Debate จะมีต่อไปเนื่องจากไม่สามารถเลื่อนได้และทุกอย่างได้จัดลงตัวหมดแล้ว ปกติการทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีควรจะทำเป็นระบบใช่ไหม ถ้าเกิดปัญหาหรือวิกฤตจริงๆ ก็ควรวางแผนการแก้ปัญหาวิกฤตนั้นแล้วส่งตัวแทนหรือผู้ช่วยไปทำหน้าที่แทน แล้วตัวเองก็ควรจะมาประกาศนโยบายของพรรคในงาน หรือหากคิดว่าการแก้ปัญหาวิกฤตสำคัญกว่างาน Debate ก็ควรจะส่งตัวแทนมาทำหน้าที่แทนซิ ไม่ใช่บอกให้เจ้าภาพเลื่อนงานไปเฉยๆ แบบนี้

งาน Debate ครั้งนี้เป็นแรกที่จัดขึ้น เจ้าภาพที่จะจัดงานครั้งที่สอง และครั้งถัดไปควรจะระลึกบทเรียนนี้ไว้นะ แล้วหาทางแก้ปัญหาเฉพาะไว้ด้วย ดีไม่ดีอาจจะเหมือนกับที่ Ole Miss โดนก็เป็นได้ เรื่องนี้ McCain ผิดเต็มๆ

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss
Obama vs McCain

ช่วงนี้เป็นเทศกาลการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดของอเมริกา ไหนๆ ก็เป็นบุคคลคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่ถึงแม้จะไม่ได้ใช้สิทธิ์แต่ก็รอเออออห่อหมกตื่นเต้นกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาสักหน่อยละกัน จริงๆ แล้วก็ไม่รู้อะไรมากมากหรอกนะแต่เพื่อเป็นการหาความรู้ใส่ตัวก็เลยต้องหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตกันสักหน่อยว่า ท่านว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่นี่เป็นคนมาจากไหนกันในที่นี่คงไม่กล่าวถึงแคมเปนหรือนโยบายของแต่ละพรรคละกันเพราะตัวเองคงไม่มีความรู้อะไรที่จะสามารถเขียนได้เป็นเรื่องเป็นราว เอาแค่ประวัติย่อๆ ละกัน เริ่มจากโอบามา (Obama) กันเลย


ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Barack_Obama

โอบามามีชื่อเต็มๆ ว่า Barack Hussein Obama II เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1961 ที่ Honolulu, Hawaii โดยมีพ่อผิวดำเป็นชาวเคนย่า แม่เป็นคนอเมริกันผิวขาว พ่อกับแม่เลิกกันขณะที่โอบามาอายุประมาณ 2 ขวบ และแม่แต่งงานใหม่กับชายชาวอินโดนิเซีย ดังนั้นโอบามาเลยเติบโตอยู่ที่กรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนิเซีย เมื่ออายุประมาณ 10 ขวบ ได้เดินทางกลับมาที่อเมริกาและเรียนหนังสือต่อที่ Honolulu เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นโอบามาย้ายไปที่แคลิฟอร์เนียเพื่อศึกษาต่อระดับอนุปริญญา แล้วต่อระดับปริญญาที่ Columbia University ที่นิวยอร์ค หลังจากจบการศึกษาจาก Columbia University ได้ไปทำงานที่รัฐชิคาโก และศึกษาต่อด้านกฏหมายที่ Harvard Law School

โอบามาเป็นซีเนเตอร์ (Senator) จากรัฐ Illinois ระหว่างปี 1997-2004 และได้รับเลือกให้เป็น U.S. Senator ในปี 2004 ในฐานะตัวแทนจากจากพรรคดีโมแครต (Democratic Party) หลังจากนั้นก็ประกาศเป็นผู้สมัครชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2008


ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/John_McCain

ส่วนเม็กเคนมีชื่อว่า John Sidney McCain III เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ.1936 ที่ประเทศปานามา โดยอยู่ในครอบครัวทหารซึ่งและเวลานั้นทหารอเมริกันเข้าร่วมการก่อสร้างคลองปานามา ในปี 1951 ครอบครัวของเม็กเคนก็ย้ายรกรากมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ Northern Virginia เม็กเคนจบการศึกษาจาก U.S. Naval Academy ตามรอยบรรพบุรุษในปี 1958 หลังจากนั้นได้เข้าร่วมเป็นนักบินในสงครามเวียดนาม ในขณะที่อยู่ในสงครามเม็กเคนโดนยิงบาดเจ็บสาหัสและถูกจองจำในคุกในเวียดนามเหนือระหว่างปี 1967 ถึง 1973 ซึ่งก่อนที่จะเข้าร่วมสงครามเม็กเคนได้แต่งงานกับ Carol Shepp ในปี 1965 และได้รับเลี้ยงบุตรบุญธรรม 2 คนและทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 1 คน ซึ่งทั้งสองได้หย่าขาดกันในเวลาต่อมา

เม็กเคนพบรักใหม่และแต่งงานกับ Cindy Lou Hensley ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมือง Phoenix รัฐ Arizona ในปี 1980 เม็กเคนรีไทน์จากทหารในปี 1981 และกลับมาเล่นการเมือง เขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็น U.S. House of Representative ในปี 1982 และเป็น U.S. Senator ในปี 1986, 1992, 1998 และปี 2004

เม็กเคนพ่ายแพ้บุชในการชิงชัยเข้ารับตำแหน่งว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพลับบลิกัน (Republican) ในปี 2000 ซึ่งบุชได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลาต่อมา ความพยายามยังไม่สิ้นสุด สุดท้ายเม็กเคนก็ได้รับตำแหน่งผู้นำพรรคในการลงชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2008 โดยมี Sarah Palin ซึ่งเป็น Governor จากรัฐ Alaska ให้การสนับสนุนในตำแหน่งผู้ช่วย

บทความก่อนหน้านี้สำหรับข่าว Presidential debate
Presidential Debate at Ole Miss

Tags: ,

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อ่านนวนิยายขนาดสั้นเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ซึ่งแต่งโดย งามพรรณ เวชชาชีวะ หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือที่เรียกว่ารางวัลซีไรต์ของประเทศไทย ประจำปี 2549 อีกทั้งในปัจจุบันหนังสือเรื่องนี้ อนุญาตลิขสิทธิ์เพื่อแปลและจำหน่ายใน 9 ประเทศ คือ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมนี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส

เนื้อหาของเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 9 ขวบที่เติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูของตากับยายเนื่องจากแม่ได้ป่วยและเสียชีวิตไป การดำเนินเรื่องของนวนิยายเล่มนี้ถือว่าค่อนข้างดีมากทีเดียว เพราะแสดงออกถึงความสดใสในวัยเด็กของกะทิซึ่งต้องเผชิญพายุอันโหดร้ายในชีวิตระหว่างที่ต้องสูญเสียแม่ไป แต่กระนั้นกะทิก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากตา ยาย และลุงป้า น้า อา อีกทั้งคนรอบข้าง

อ่านตอนแรกๆ นึกว่าจะกล่าวถึงชีวิตของชาวไร่ ชาวนา สไตล์หนังสือเรื่องลูกอีสาน แต่ที่ไหนได้ตากับยายของกะทิไม่ใช่แค่ชาวไร่ชาวนาทั่วๆ ไป ทั้งสองคนเป็นผู้ที่มีหน้ามีตาในสังคมก็ว่าได้ แต่ครั้นยามเกษียรอายุจึงตัดสินใจย้ายจากเมืองที่วุ่นวายไปอาศัยอยู่ที่บ้านทรงไทยริมคลองในจังหวัดอยุธยาและดำเนินชีวิตตามแบบชาวบ้านอย่างเรียบง่าย แม่ของกะทิก็เป็นเด็กนักเรียนกฎหมายซึ่งจบปริญญาจากประเทศอังกฤษ แต่ประเด็นสำคัญเรื่องพ่อก็ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจอยู่ รู้แต่เพียงว่าพ่อของกะทิชื่อ แอนโทนี ซัมเมอร์ เป็นชาวพม่าที่ไปเติบโตที่อังกฤษ พ่อกับแม่แต่งงานกัน แม่ของกะทิรักกับพ่อมากแต่ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องเลิกกันเนื่องจากคนรักเก่าของพ่อได้ตามหาและเจอกับชายคนรัก แม่ของกะทิเลยยอมเสียสละและกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยในขณะที่อุ้มท้องกะทิมาด้วย อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างน้องกะทิกับพี่ทองจะเป็นอย่างไร ทองเด็กวัดวัย 14 จะสามารถทำฝันของตนให้เป็นจริงได้หรือเปล่ายังคงต้องติดตามลุ้นกันต่อไป


หน้าปกหนังสือเรื่อง ความสุขของกะทิ
ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/ความสุขของกะทิ

ใครที่ยังไม่ได้อ่านนวยายเรื่องนี้ แนะนำอย่างยิ่งว่าควรต้องอ่าน และตอนนี้ก็จำหน่าย 2 ตอน สำหรับตอนที่สองมีชื่อว่า ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์ เนื้อหาสนุกทั้ง 2 เล่ม รับรองได้

ปล. เพิ่งทราบมาว่าหนังสือเรื่องนี้ขายดีมาก ได้รับความนิยมไม่เพียงแต่เยาวชนเท่านั้นแต่รวมไปถึงผู้ใหญ่หลายๆ คนด้วย นวนิยายเรื่องนี้ได้นำมาทำเป็นภาพยนตร์แล้ว ติดตามข่าวคราวภาพยนตร์เรื่องความสุขของกะทิได้ที่ http://www.filmpublic.com

Tags:

เสาร์นี้ College Football เป็นนัดที่ Ole Miss แข่งกับ Vanderbilt ที่พิเศษไปกว่านั้น ก่อนเริ่มการแข่งขันจะที่นักเรียนอย่างเราๆ ได้เข้าร่วมด้วยนั่นก็คือ Rebel Run โดยก่อนการแข่งขันเหล่านักเรียนจะแข่งจากด้านหนึ่งของสนามไปยังอีกด้านหนึ่ง งานนี้มีคนเข้าร่วม Rebel Run กว่าร้อยคน โดยนักเรียนแต่ละคนจะได้รับเสื้อยืด Rebel Run เอาไว้ใส่เวลาวิ่ง ระหว่างที่กำลังรอเวลาการจะร้องเพลงเชียร์ของ Ole Miss ชื่อว่า Hotty Toddy โดยมีเนื้อร้องดังนี้

Are you ready?
Hell yeah! Damn Right!
Hotty Toddy, Gosh almighty
Who the hell are we, Hey!
Flim Flam, Bim Bam
OLE MISS BY DAMN!

Vanderbilt University (VU) ตั้งอยู่ที่เมือง Nashville ในรัฐ Tennessee เป็นหนึ่งในคู่แข่งตลอดกาลของ Ole Miss และแน่นอนว่าการแข่งขันระหว่างเกมนี้ค่อนข้างสูสี Ole Miss ในไปก่อนในควอร์เตอร์แรก จบครึ่งแรกคะแนนอยู่ที่ 17-17 แต่ช่วงหลังก็ไม่สามาถทำทัชดาวน์ได้เลยจบลงที่ Ole Miss เป็นฝ่ายแพ้ไปด้วยคะแนน 23 ต่อ 17 เกมเริ่มประมาณ 6 โมงเย็นแต่จบประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง กลับบ้านอย่างห่อเหี่ยวที่ Ole Miss ไม่ชนะ แต่เกมนี้ก็สนุกดี

ทุกๆ ปี มหาวิทยาลัยจะมีการเลือกตั้ง Student Board ในตำแหน่งต่างๆ เช่น Homecoming Queen, Miss Ole Miss, Colonel Rebel ประมาณเดือนกันยายนของทุกปี

ตำแหน่ง Colonel Rebel (Reb) ถือเป็นหนึ่งในตำแหน่งสำคัญของผู้ชายซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน จากข้อมูลของ wiki Colonel Reb เป็นสัญลักษณ์ของชายอัฟริกัน-อเมริกันตาบอด ที่มีชื่อว่า Jim Ivy


ภาพ Jim Ivy
ที่มา: http://en.wikipedia.org/wiki/Colonel_Reb

Ivy เข้าเรียนที่ University of Mississippi เมื่อปี 1896 และเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็น “the dean of freshmen” Ivy ไม่ได้ตาบอดตั้งแต่กำเนิดแต่เขาตาบอดในขณะที่เป็นวัยรุ่น โดยโดนสีกระเด็นเข้าตาระหว่างที่กำลังทาสีสะพาน Tallahatchie River Bridge ถึงแม้จะตาบอดแต่เขาก็ยังหลงรักกีฬาฟุตบอลและติดตามเชียร์ทีม Ole Miss และมักกล่าวว่า “I’ve never seen Ole Miss lose.” มาตลอด ชื่อของ Jim Ivy เป็นที่รู้จักกันและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 1955 ภายหลังจากที่เสียชีวิต อย่างไรก็ตามสัญลักษณ์ Colonel Reb ที่เห็นๆ อยู่ ณ ปัจจุบัน
ดูเหมือนจะเป็นชายผิวขาวมากกว่าผิวสองสี

ภาพ Colonel Rebel

การเลือกตั้ง Colonel Reb กับ Miss Ole Miss เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณปี 1940 Colonel Reb ถือเป็นสัญลักษณ์ (Mascot) ในกีฬาฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย (College Football) เช่นเดียวกับจระเข้ (Albert and Alberta) ของทีม Florida, Bully the Bulldog ของทีม Mississippi State University และอื่นๆ แต่ในปี 2003 Colonel Reb ได้ถูกยกเลิกในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลแต่กระนั้นตำแหน่ง Colonel Rebel ก็ยังมีการเลือกตั้งทุกปีและยังมีความสำคัญกับกิจกรรมของนักเรียนนักศึกษาจนกระทั่งปัจจุบัน